สวัสดีครับ ผม นาย โยฮัน เลาลี จบประกาศนียบัตรวิชาชีพ จากวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงใหม่ ผมเรียนจบจากวิทยาลัยผมก็ได้สร้างเนื้อสร้างตัวระยะหนึ่งแต่โชคก็ยังดีได้รับโอกาสจากท่าน รศ.ดร.สมชาย ชคตระการ ได้มาฝึกงานที่ประเทศญี่ปุ่นโครงการ 3 ปี
ที่ตัดสินใจ แล้วความตั้งใจแรก ที่จะมาญี่ปุ่นก็คืออยากให้ผู้เป็นแม่ และครอบครัวอยู่อย่างสุขสบาย
ตอนนี้ผมอยู่ที่ญี่ปุ่น 8 เดือนแล้วครับ ขอเล่าตั้งแต่ก้าวแรกที่ได้เหยียบบนพื้นดินญี่ปุ่นเลยนะครับ เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของนักสู้ และยังจำได้ดีเลย ว่าต้องเดินทางญี่ปุ่นคนเดียว ทั้งๆ ที่ภาษาญี่ปุ่นก็ยังฟังไม่รู้เลย แล้วต้องกักตัวอยู่คนเดียว อยู่กับความอ้างว้างอีก 1 4วัน ช่างเป็นอะไรที่โคตรทรมานจิตใจมากเลย ตอนนั้นคิดคำถามขึ้นมา ถามตัวเองอยู่เสมอว่าเราคิดถูกแล้วใช่ไหมวะ เราจะทำเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้สำเร็จได้จริงใช่ไหมวะ เพราะแค่เริ่มต้นก็เหมือนจะท้อกับความรู้สึกตอนนั้นแล้ว แต่อีกความรู้สึกนึงก็บอกกับตัวเองผ่านกระจกเสมอว่า สู้หน่อยนะเวลาก็ผ่านไปได้ เดียวก็จะได้เข้าฟาร์มทำงานแล้ว (ซึ่งหลอกตัวเองตั้งแต่คืนแรกที่ได้เข้าที่พัก)


พอเวลาได้ทำหน้าที่ของมันผ่านไปหนึ่งเดือน ผมก็ได้เข้าฟาร์มทำงานจริง ชีวิตทำงานกับวัยทำงานเป็นของจริง เลยต้องบอกกับตัวเองอีกครั้งว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย เพราะตั้งแต่เรียนจบมามีอุปสรรค์หลายอย่างที่เกิดขึ้นกับชีวิตของผม ผมก็เลยตัดสินใจบินตรงมาทำงานเลยไม่รู้จะเปรียบเทียบอย่างไงกับที่ประเทศไทยว่าอันไหนหนักกว่ากัน แต่ได้สัมผัสงานที่ญี่ปุ่นบอกได้เลยว่าเหนื่อยสุดจริงๆ บวกกับกลิ่นของมูลสัตว์ที่โคตรแรงเข้าจมูกอยู่ทุกวัน “อ่าวแต่ลืมบอกไปว่าผมได้มาทำงานฟาร์มสุกร” เคยสัมผัสกับงานสุกรในตอนเรียนมาก็ใช่ แต่ งานของจริงมันคือเรื่องใหญ่มาก เพราะฟาร์มสุกรที่ผมมาเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ ติดอันดับส่งผลิตสุกร พรีเมียร์ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเลี้ยงสุกรเป็นหลักหมื่นต้นๆ เลี้ยงตั้งแต่คลอด-ขายเป็นเนื้อคุณภาพ
แต่นั้นก็เป็นเพียงความรู้สึกกลัวความเหนื่อยในช่วงแรกๆ แต่ตอนนี้ มาเลยครับ ความเหนื่อยมีมากแค่ไหนก็ไม่เคยถอย ทุกวันนี้ก็ถือว่าเรียนรู้งานได้ ก็เริ่มสนุกกับมัน เรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเราเอง และเก็บสิ่งที่ทำผิดพลาดไปแก้ไข เพื่อที่จะไม่ให้มันผิดพลาดอีก
ส่วนถ้าพูดถึงคนญี่ปุ่น รวมแล้วเขาก็ใจดีครับ ขอแค่เราแยกแยะคนญี่ปุ่นเรื่องงานกับนอกเวลางานให้ออก จะมองเห็นว่าเขาจะใจดีมาก เพราะส่วนใหญ่คนญี่ปุ่นจะจริงจัง กับเวลาทำงานอยู่ตลอด ส่วนลูกพี่ หรือนายจ้างของผม นี่ใจดีสุดทุกเวลา ชวนดื่มเบียร์ตั้งแต่วันแรกที่ถึงฟาร์ม


ฝากถึงน้องๆ ที่กำลังเรียนภาษาอยู่หรือคนที่ยังสัมภาษณ์งานไม่ติด อย่าพึ่งท้อกับโอกาสที่จะได้รับนะครับ จงรับโอกาสนั้นมาแล้วใช้มันให้คุ้มค่าที่สุด ขนาดพี่กว่าจะได้รับโอกาสนี้ก็ผ่านการสัมภาษณ์มาแล้ว 2-3 ครั้ง กว่าจะผ่านติดงานมาได้นี่ก็สาหัสมากพอสมควร สู้ๆ ครับ ทุกคนต้องผ่านมาให้ได้ และต้องเตรียมเป้าหมายกับความอดทนมาให้มากๆ แต่ถ้าน้องคนไหนจะถามผมว่างานหนักไหมที่ญี่ปุ่น? ผมบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ถ้างานมันเบาเขาคงไม่ลงทุนจ้างคุณมาญี่ปุ่นหรอกครับ เขาให้คนในชาติเขาทำเองไม่ดีกว่าหรือครับ ไหนจะเสียค่าเครื่องให้คุณบินมาอีก ใช่ไหม! ผมขออ้างอิงคำนี้นะครับ ที่ว่า “งานหนักไม่เคยฆ่าคน ความจนมันกลัวคนขยัน”